สำหรับใครที่มีรถเป็นของตัวเอง คงเคยได้ยินว่าให้เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายบ้าง แต่คนที่ไม่ได้รู้เรื่องรถมากขนาดนั้น ก็ยังคงสงสัยว่า น้ำมันเฟืองท้าย มีไว้ทำไม มีส่วนสำคัญต่อรถของเราอย่างไร จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือไม่
รู้จักกับเฟืองท้ายรถยนต์กันก่อน
เฟืองท้าย เป็นชุดอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ผ่านชุดเกียร์ แล้วส่งผ่านไปยังล้อเพื่อให้เกิดการหมุนทำให้รถเคลื่อนที่ได้ โดยมีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อนล้อหลัง แต่หากเป็นรถที่ขับเคลื่อนล้อหน้า เฟืองท้ายจะถูกรวมอยู่ในห้องเกียร์ ดังนั้น เฟืองท้ายจึงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนรถยนต์ โดยระบบการทำงานของเฟืองท้ายไม่ได้มีความซับซ้อนมากเหมือนเกียร์หรือเครื่องยนต์ แต่ถึงอย่างนั้นหากไม่ได้รับการดูแลก็จะเจอกับอาการเฟืองท้ายหอน
มาดูกันว่า น้ำมันเฟืองท้าย มีไว้ทำไม
ในการขับเคลื่อนเฟืองท้าย จำเป็นต้องมีน้ำมันหล่อลื่นเพื่อให้เฟืองท้ายสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและชิ้นส่วนของเฟืองท้ายไม่สึกหรอ โดยหลักๆ แล้วหน้าที่ของน้ำมันเฟืองท้ายก็คือการหล่อลื่นเฟืองท้ายให้ทำงานขับเคลื่อนได้ดีนั่นเอง สิ่งสำคัญคือการเลือกใช้น้ำมันเฟืองท้ายให้เหมาะสม และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้ายตามระยะกำหนด ก็จะเป็นการช่วยดูแลรักษาเฟืองท้ายให้ใช้งานได้ยาวนานและไม่สึกหรอก่อนเวลาอันควร
เราควรเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายเมื่อไหร่
สำหรับระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้ายนั้น จะนานกว่าน้ำมันเครื่อง โดยเฉลี่ยมีระยะเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 40,000 กิโลเมตร ซึ่งบางทีอาจจะนานจนลืม และเป็นจุดที่อยู่ใต้ท้องรถ เรามักจะมองไม่เห็นและไม่คิดว่าต้องเปลี่ยน ทางที่ดีควรจดไว้ หรือประมาณการว่า เปลี่ยนน้ำมันเครื่องกี่ครั้งถึงจะเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายครั้งต่อไป จะได้เปลี่ยนพร้อมๆ กับน้ำมันเครื่องในครั้งนั้นเลย
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานในการขับขี่ของแต่ละคนด้วย ถ้าเป็นรถที่ใช้งานหนัก ขับแบบสมบุกสมบัน มีการบรรทุกหนัก รถเดินทางไกล หรือไปเจอกับหลุมโคลน น้ำท่วมขังบ่อยๆ แบบนี้ควรต้องเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายให้เร็วกว่าเดิม
ใช้น้ำมันเกียร์แทนน้ำมันเฟืองท้ายได้หรือไม่
ด้วยระบบการทำงานของเฟืองท้ายไม่ได้ซับซ้อนเหมือนเครื่องยนต์ จึงสามารถใช้น้ำมันเกียร์แทนกันได้ในระบบขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ถ้าเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง จะต้องเลือกเบอร์ความหนืดให้ดีด้วย ซึ่งเฟืองท้ายจะใช้น้ำมันที่มีความหนืดมากกว่าน้ำมันเครื่อง เพราะฟันเฟืองค่อนข้างมีการเสียดสีกันมาก จึงต้องใช้ความหนืดมาช่วยในการหล่อลื่น
เบอร์ความหนืดที่นิยมใช้มี 2 เบอร์หลักๆ คือ
- SAE 90 เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
- SAE 140 เหมาะกับรถยนต์ที่ใช้งานหนัก เนื่องจากมีความหนืดมากกว่า