รถยนต์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนใช้รถตลอดเวลาที่ต้องเดินทาง ไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล ดังนั้น เราก็ต้องดูแลรักษารถยนต์ให้ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ และหากเราใช้รถมาระยะหนึ่งแล้วก็ควรต้องเช็ครถกันเสียที เพื่อที่จะตรวจเช็คอาการว่ามีส่วนไหนสึกหรอ ส่วนไหนต้องเปลี่ยน ของเหลวอะไรต้องเปลี่ยนถ่าย แล้วจะต้องทำอะไรบ้างเมื่อถึงเวลา เช็ครถครั้งใหญ่ ?
เช็ครถครั้งใหญ่ เช็คอะไรบ้าง?
น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องเป็นสิ่งที่ควรเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่กำหนดไว้อยู่แล้ว ซึ่งระยะเปลี่ยนถ่ายก็ขึ้นอยู่กับน้ำมันเครื่องที่ใช้ ความสมบุกสมบันในการใช้รถ และระยะเวลาในการใช้รถ มีตั้งแต่ระยะ 5,000 กม. 10,000 กม. หรือ 15,000 กม. ขึ้นไป แล้วแต่เกรดของน้ำมันเครื่อง แต่ถ้าใครไม่ยอมเปลี่ยนเลยจนปล่อยให้รถวิ่งเกินระยะไปมากๆ ระวังจะเสี่ยงเครื่องพัง
ไส้กรองอากาศ
สิ่งสำคัญที่อยู่คู่กับเครื่องยนต์ เพราะเป็นตัวดักจับสิ่งสกปรกที่มากับน้ำมันเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์สะอาดไม่มีสิ่งแปลกปลอมตกค้าง แต่ถ้าปล่อยไว้นานจนไส้กรองดำหรือสกปรก ประสิทธิภาพในการกรองก็ลดลงไปด้วย หากเป็นน้ำมันเครื่องเกรดธรรมดาควรเปลี่ยนทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แต่ถ้าเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้หรือกึ่งสังเคราะห์ ก็อาจไม่ต้องเปลี่ยนทุกครั้ง เพราะไส้กรองยังไม่สกปรกมาก ก็สามารถเอาออกมาเป่าฝุ่นออกได้ หรือเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 2 ครั้งค่อยเปลี่ยนกรองอากาศทีนึงก็ได้ หรือเช็คระยะประมาณ 10,000 กม.
ระบบเบรก (น้ำมันเบรก ผ้าเบรก จานเบรก)
เบรกคือสิ่งที่รถแล่นแล้วต้องเหยียบอยู่เรื่อย ไม่ว่าจะตอนรถจอด ตอนเข้าโค้ง หรือเบรกตามคันข้างหน้า ซึ่งถ้าหากน้ำมันเบรกไม่ดี หรือผ้าเบรกสึก การเบรกก็จะไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เบรกไม่อยู่ เบรกแล้วมีเสียงดัง หรือต้องกดเบรกลึกๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่ และยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย ดังนั้น ควรเติมน้ำมันเบรกและเปลี่ยนผ้าเบรก อาจต้องเจียจานเบรกหากจำเป็น อย่างน้อยควรเปลี่ยนทุกๆ 2 ปี หรือ 50,000 กม.
น้ำยาเติมหม้อน้ำ
สำหรับรถที่วิ่งใช้งานตลอด อย่างน้อยที่สุดควรเปลี่ยนทุกปี หรือก็อยู่ที่ระยะวิ่ง 20,000 กม. ควรเปลี่ยนได้แล้ว โดยการถ่ายน้ำที่มีอยู่เดิมในหม้อน้ำออกก่อนให้หมด ใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดภายในเพื่อเอาเศษตะกรันออก แล้วค่อยเติมน้ำยาหน้อน้ำลงไปใหม่
ไส้กรองแอร์
เราขับรถก็ต้องเปิดแอร์อยู่แล้ว และหากใช้งานเป็นเวลานานๆ มีฝุ่นผงหรือสิ่งสกปรกติดค้างอยู่ในไส้แอร์มาก ก็เท่ากับว่าเราสูดสิ่งสกปรกวนซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่รู้ตัว อีกทั้งถ้าไม่ได้เปลี่ยนนานๆ ไส้แอร์ตัน ความเย็นก็ไม่ระบายเช่นกัน หากคุณเป็นคนที่ใช้รถอยู่ตลอดเวลา ก็ควรเปลี่ยนอย่างน้อยทุก 6 เดือน หรือระยะประมาณ 20,000 กม.
น้ำมันเกียร์ สายพาน
สำหรับรถใหม่ๆ อาจยังไม่ต้องเปลี่ยน แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้มานาน หรือรถที่ใช้งานหนัก อย่างน้อยก็ควรตรวจเช็คทุกๆ 100,000 กม. มีการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ สายพานหน้าเครื่อง สายพานไทม์มิ่ง หรือลองดึงดูว่าตึงหรือหย่อนเกินไปหรือเปล่า สมควรเปลี่ยนแล้วหรือยัง
หัวเทียน
เปลี่ยนทุก 30,000-40,000 กม. แล้วแต่ชนิดของหัวเทียน หากพบว่าเร่งแล้วมีอาการเครื่องสะดุด เดินไม่เรียบ อาจมีอาการมาจากหัวเทียนก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ต้องรอให้ถึงระยะก็ต้องลองเปลี่ยนแล้วใช้งานดูว่าอาการหายไปหรือเปล่า
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 2 ปี หรือบางทีอาจน้อยกว่านั้น ทางที่ดีควรเปลี่ยนตามระยะกำหนด เพราะหากยังปล่อยใช้ไปเรื่อยๆ จนเบตเสื่อมสภาพ ก็ส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติด หรือไฟเลี้ยงรถไม่เพียงพอ จะส่งผลเสียอื่นๆ ตามมาได้
ยางรถยนต์
หากรถวิ่งยังไม่มาก ก็อาจสลับยางไปก่อน โดยสลับล้อหลังมาไว้ล้อหน้า ล้อหน้าไปไว้ล้อหลัง สำหรับคนงบน้อย ในครั้งต่อไปก็อาจเป็นการเปลี่ยนยางใหม่ทีละสองล้อ หรือถ้าใครไม่มั่นใจจะเปลี่ยนใหม่ทั้ง 4 ล้อไปเลยก็ได้ และควรเปลี่ยนยางเมื่อถึงระยะ 50,000 กม. หรือหากยังใช้ได้ดีอยู่ก็อาจใช้ได้ถึง 70,000-100,000 กม. ทั้งนี้ต้องดูสภาพยางรถยนต์ด้วย หากดูแล้วไม่ปลอดภัยก็สามารถเปลี่ยนก่อนได้เลย
ไฟส่องสว่าง
ระบบไฟก็สำคัญต่อการใช้รถใช้ถนน ไม่เพียงแต่จะช่วยส่องสว่างไปข้างหน้าสำหรับผู้ขับขี่เท่านั้น ทั้งไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟกระพริบ ก็ยังเป็นสัญญาณแจ้งผู้ร่วมทางได้ด้วยว่าเรากำลังจะเบรกรถ หรือกำลังจะเลี้ยวรถ อีกทั้งในเวลากลางคืนหากไม่มีไฟท้ายจะเป็นอันตรายมากๆ หมั่นตรวจเช็คว่าไฟติดทุกดวง ส่วนไฟเบรกถ้ามองไม่เห็นก็ต้องให้คนนึงเหยียบเบรกและอีกคนช่วยมองว่ายังติดดีอยู่หรือเปล่า
เกียร์ และเบรก
ส่วนนี้ถือว่าเป็นอุปกรณ์ในรถชิ้นใหญ่ขึ้นมาแล้ว ซึ่งโดยปกติในการใช้งานไม่ได้จะเปลี่ยนกันง่ายๆ แต่ถ้าหากรถของคุณเป็นรถเก่า หรือถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลานานหลายปีจนมีชิ้นส่วนสึกหรอ หากวิ่งไปแล้วเกิดอาการผิดปกติ ก็ควรต้องมองถึงระบบเกียร์ ระบบเบรก ว่ายังใช้งานดีหรือไม่ อย่างน้อยเมื่อถึง 300,000 กม. ก็ควรพาไปตรวจเช็คเพื่อซ่อมแซม หากเป็นหนักจะได้รักษาทันการ
ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราควรต้องตรวจเช็ครถเมื่อถึงเวลา เพื่อที่จะได้ใช้รถได้อย่างปลอดภัย ซึ่งหากไม่แน่ใจว่าต้องเปลี่ยนอะไรบ้างก็อาจนำรถเข้าศูนย์ หรือเข้าอู่ให้ตรวจเช็คในอาการที่เราไม่สามารถแก้ไขได้เอง แต่ถ้าเป็นระบบของเหลวหรือชิ้นส่วนง่ายๆ ถ้าเช็คเองได้จะดีที่สุด และประหยัดกว่าไปให้ร้านเช็คแน่นอน