น้ำมันไฮดรอลิคนั้น มีส่วนประกอบหลักๆ อยู่ 2 ส่วนคือ น้ำมันพื้นฐาน (Base Oil) และ สารปรุงแต่ง (Oil Additive) ซึ่งน้ำมันพื้นฐานเป็นส่วนประกอบหลักที่สำคัญในการเป็นน้ำมันไฮดรอลิค โดยได้แบ่ง ประเภทน้ำมันพื้นฐาน ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
1. น้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์ (Vegetable or Animal Oils)
เป็นชนิดของน้ำมันพื้นฐานในสมัยก่อน โดยมีการนำไปใช้งานหลายอย่าง โดยได้มาจาก น้ำมันปาล์ม น้ำมันละหุ่ง น้ำมันหมู น้ำมันปลา เป็นต้น แต่เนื่องจากน้ำมันที่ได้จากธรรมชาติของทั้งสองชนิดนี้มีความอยู่ตัวทางเคมีต่ำและเสื่อมสภาพได้ง่าย จึงต้องผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพซึ่งทำให้ราคาแพง จึงทำให้น้ำมันชนิดนี้หมดความนิยมลงไป แต่จะถูกนำไปใช้เฉพาะงานหล่อลื่นที่ทำมาจากน้ำมันปิโตรเลียม เพื่อเพิ่มความลื่นและต้องการเพิ่มความสามารถในการเข้ากับน้ำ
2. ประเภทน้ำมันพื้นฐาน จากน้ำมันแร่ (Mineral Oils) *นิยมที่สุด
น้ำมันแร่ถือเป็นน้ำมันพื้นฐานที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะได้น้ำมันที่มีคุณภาพดีและราคาถูก โดยน้ำมันแร่ได้มาจากการเอาส่วนที่อยู่ก้นหอกลั่นบรรยากาศ มาผ่านกระบวนการกลั่นภายใต้สูญญากาศเพื่อแยกเอาน้ำมันหล่อลื่นชนิดใสและชนิดข้นออกจากกัน ที่เหลือเป็นกากสามารถนำไปผลิตเป็นยางมะตอยได้
ซึ่งชนิดของน้ำมันแร่และปริมาณที่กลั่นได้นั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันดิบที่นำมากลั่น และโดยปกติจะยังไม่มคุณสมบัติเพียงพอในการผลิตน้ำมันหล่อลื่น จึงต้องน้ำไปผ่านกระบวนการอีกหลายขั้นตอนเพื่อขจัดเอาสารที่ไม่ต้องการออก จนมีความอยู่ตัวเชิงเคมีและเชิงความร้อนดี น้ำมันแร่ที่นำมาใช้ทำน้ำมันไฮดรอลิคจะแบ่งตามลักษณะของการเปลี่ยนแปลงความหนืดตามอุณหภูมิ โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่
- Parafinic base
- Napthenic base
- Aromatic base
3. น้ำมันสังเคราะห์ (Synthetic Oils)
ประเภทน้ำมันพื้นฐาน อีกหนึ่งประเภทก็คือน้ำมันสังเคราะห์ ซึ่งเป็นน้ำมันที่สังเคราะห์ขึ้นโดยผ่านกระบวนการทางเคมี มักจะใช้น้ำมันปิโตรเลียมมาเป็นตัวสังเคราะห์ เมื่อผ่านกระบวนการต่างๆ แล้วจะได้น้ำมันสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันหลายชนิด และราคาค่อนข้างแพง จึงมักใช้เฉพาะในงานที่ต้องการคุณสมบัติพิเศษ เช่น ต้องการความหนืดสูง จุดไหลเทต่ำ มีการระเหยต่ำ เป็นต้น น้ำมันสังเคราะห์ที่มักนำไปใช้มีหลายประเภทดังนี้
- Polyalphaolefins (PAO) มีดัชนีความหนืดสูงมาก มีจุดไหลเทต่ำมาก มีการระเหยต่ำ และมีความต้านทานต่อปฎิกริยาออกซิเดชั่นดี ปัจจุบันเริ่มใช้กันมากขึ้นเพราะมีคุณสมบัติที่ดีและตอนนี้ผลิตได้ง่ายขึ้น ราคาจึงถูกลง
- Esters , Diester และ Complex Ester มีดัชนีความหนืดสูงมาก มีการระเหยตัวต่ำ มีความอยู่ตัวดี ใช้เป็นน้ำมันพื้นฐานสำหรับงานที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากๆ เช่น น้ำมันเทอร์ไบน์ของเครื่องยนต์ไอพ่น
- Polyglcols มีจุดเดือดสูง จุดไหลเทต่ำ ใช้ในงานที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ใช้ทำน้ำมันเบรกและน้ำมันไฮดรอลิคไม่ติดไฟ
- Silicone ใช้ในงานอุณหภูมิสูง
- Halogenated Hydrocarbon มีความอยู่ตัวทางเคมีและความร้อนดีมาก ใช้ทำน้ำมันเครื่องอัดออกซิเจน
- Polypheny Ethers มีความอยู่ตัวทางความร้อนสูงมาก มีความต้านทานต่อรังสีนิวเคลียร์ ใช้ในงานที่อุณหภูมิสูงถึง 500 องศาเซลเซียส เช่น เป็นน้ำมันไฮดรอลิคในยานอวกาศ เป็นต้น