สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์ที่มีความแตกต่าง และปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ยืดหยุ่นกว่า คงมีเล็งๆ รถยนต์ไฮบริด (HEV) กันมาบ้าง โดยรถยนต์ไฮบริดถือเป็นรถลูกครึ่ง ที่สามารถใช้น้ำมันก็ได้ และใช้ไฟฟ้าก็ได้ จึงสามารถใช้งานปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ อย่างไรก็ดีรถยนต์ประเภทนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย ซึ่งควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อ
รถยนต์ไฮบริด (HEV) เป็นอย่างไร
ลักษณะการทำงานของรถยนต์ไฮบริดนั้น เป็นรถที่มีทั้งเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน และมีระบบมอเตอร์ไฟฟ้ามาขับเคลื่อน โดยมีการทำงานผสมผสานกัน ซึ่งในช่วงการใช้งานปกติที่ต้องใช้ความเร็วรอบสูงๆ จะใช้ระบบเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน และในช่วงการใช้งานที่ใช้ความเร็วรอบต่ำๆ เช่นการวิ่งในตัวเมือง หรือวิ่งช่วงรถติดรถ จะปรับเปลี่ยนเป็นการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า โดยดึงเอาพลังงานจากแบตเตอรี่ทำงาน และหากเป็นช่วงที่ต้องเร่งแซง ก็จะทำงานโดยใช้ทั้งสองคุณสมบัติทำงานร่วมกัน ซึ่งการใช้ไฟฟ้าเข้ามาช่วย ทำให้รถยนต์ไฮบริดประหยัดการใช้น้ำมันมากกว่า
ข้อดีของรถยนต์ไฮบริด
1. ประหยัดกว่า คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายคนมองหารถยนต์ไฮบริดด้วยวัตถุประสงค์ในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดการใช้น้ำมันได้จริง เนื่องจากมีการผสมผสานการใช้งานร่วมกับระบบไฟฟ้ามากขึ้น ในช่วงที่ใช้ความเร็วต่ำ หรือช่วงที่เร่งแซง ทำให้ลดการใช้น้ำมันในจังหวะการทำงานเหล่านี้ โดยสามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 10-50% (มีตัวเลขประหยัดมาตรฐานอยู่ที่ 20 กิโลเมตร/ลิตร ในทุกสภาวะ)
2. สมรรถนะการขับขี่ทีดีกว่า ด้วยสาเหตุที่รถไฮบริดมีสมรรถนะดีกว่า จากความสามารถในการดึงพลังงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยในการขับขี่ จึงทำให้มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็่วงออกตัว ช่วงหยุดนิ่ง หรือเร่งแซง ก็จะมีการผสมผสานการใช้งานได้อย่างดี ขับสนุกยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งเครื่องยนต์ในช่วงที่ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่จะเดินเงียบมาก ไม่ส่งเสียงดังน่ารำคาญแน่นอน
3. ช่วยลดมลพิษ เมื่อรถยนต์ไฮบริดมีการใช้งานพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เท่ากับว่าลดการใช้งานน้ำมันลง นั่นหมายความว่าเราสามารถลดการปล่อยของเสียจากการเผาไหม้น้ำมันออกสู่อากาศ เป็นการลดมลพิษให้กับโลก
4. ออฟชั่นที่ดีกว่า ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ในการผสมผสานการใช้พลังงานเป็นอย่างดี รถยนต์ไฮบริดจึงจัดเป็นรถในระดับสูง ที่มาพร้อมกับออฟชั่นที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็น ระบบความปลอดภัยขั้นสูง และความทันสมัยต่างๆ ที่มาพร้อมกับตัวรถ เพื่อเพิ่มความน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น
ข้อเสียของรถยนต์ไฮบริด
1. ราคาแพงกว่า ด้วยเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ และราคาอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตก็ยังคงสูงอยู่ ดังนั้น ราคารถไฮบริดจึงยังคงสูงอยู่ ถึงแม้ตอนนี้ราคาจะลดลงมาบ้างแล้วแต่ก็ยังคงสูงอยู่ดี
2. ความเร็วสูงสุดมีจำกัด รถยนต์ไฮบริดสร้างมาเพื่อตอบโจทย์การประหยัดพลังงาน แต่ไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง ดังนั้นความเร็วจึงมีการกำจัด หากใครชื่นชอบการขับรถด้วยความเร็วก็อาจไม่ชอบสักเท่าไหร่ แต่ถึงแม้จะล็อคความเร็วเอาไว้ ในการขับขี่แบบปกติด้วยความเร็วเท่านี้ก็เพียงพอ
3. ขับทางไกลอาจไม่ได้ช่วยประหยัดน้ำมัน อย่างที่กล่าวมาข้างต้น ในเรื่องการทำงานของระบบรถยนต์ไฮบริด ที่จะดึงพลังงานไฟฟ้ามาช่วงที่รถยนต์รอบต่ำเสียมากกว่า ซึ่งเหมาะกับการขับขี่ในตัวเมืองที่ไม่ได้ใช้ความเร็วมาก แต่หากเราต้องเดินทางไกล จะมีการใช้งานด้วยความเร็วคงที่ไปจนถึงความเร็วสูง ซึ่งเป็นการใช้พลังงานจากน้ำมัน และโอกาสในการใช้พลังงานจากไฟฟ้าลดลง และการชาร์จไฟทำได้ไม่ทัน จึงไม่ได้ช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมัน
4. ต้องเรียนรู้การขับขี่เสียใหม่ ในระบบการทำงานของรถยนต์ไฮบริดมีความแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป ดังนั้น ใครที่ต้องการขับรถยนต์ชนิดนี้จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงการทำงานของระบบ และเรียนรู้การขับขี่ให้ดี เพื่อจะได้ช่วยให้รถยนต์ไฮบริดสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
5. ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา อายุการใช้งานของรถยนต์ไฮบริดอยู่ที่ประมาณ 7-10 ปี ซึ่งหลังจากนั้นต้องมาดูเรื่องค่าบำรุงรักษากันด้วย เพราะอะไหล่ที่ไม่เหมือนกับรถยนต์ทั่วไป และระบบการทำงานที่ซับซ้อนกว่า จึงอาจมีรายจ่ายสูงตามมา
รู้ถึงข้อดีข้อเสียกันแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้รถยนต์ไฮบริดหรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์แบบไหนก็อย่าลืมดูแลรักษาเครื่องยนต์ให้ดี และใช้น้ำมันเครื่องที่ดี เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและถนอมเครื่องยนต์ให้สามารถใช้ได้อีกยาวนาน