รถเก่า ก็เก๋าได้ หากเราหมั่นดูแลรักษา ถึงแม้รถจะใช้งานมานานกี่ปี หรือกี่สิบปี ก็ยังคงใช้งานได้ดี แนะนำ วิธีดูแลรถเก่า ให้อยู่กับเราไปอีกนาน
ตรวจสภาพรถสม่ำเสมอ
หากใครมีรถที่ซื้อมาตั้งแต่ป้ายแดง ก็จะมีกำหนดเวลาในการนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็ค แต่หากหมดระยะประกันหรือทางศูนย์ไม่ได้กำหนดเวลามาให้ว่าต้องไปเช็ครถอีกทีเมื่อไหร่ ก็อยู่ที่เราที่ต้องบันทึกเอาไว้ว่าเช็ครถครั้งนี้เมื่อไหร่ ควรเช็คอีกทีวันไหน ตั้งเวลาใส่ปฏิทินไว้เลยจะได้ไม่พลาดการดูแลอย่างต่อเนื่อง หากมีจุดไหนที่ควรต้องซ่อมแซม จะสามารถซ่อมได้ก่อนมีอาการลุกลาม
สังเกตและฟังเสียงเครื่องยนต์
ขับรถอยู่ทุกวันต้องคุ้นเคยกับเสียงรถปกติอยู่แล้ว หากเสียงเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนไปควรเอะใจไว้ก่อนว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ไม่เฉพาะแต่เครื่องยนต์ แต่ยังรวมถึงเสียงเบรก เสียงเกียร์ เสียงเพลาล้อรถ และอื่นๆ สังเกตดีๆ และรู้อาการได้เร็วก็ซ่อมแซมได้เร็ว
หมั่นเช็คลมยาง
ลมยางรถยนต์ที่มีปริมาณพอดี พอเหมาะกับรถที่ใช้งาน มีส่วนสำคัญในการขับขี่ ถ้าปล่อยให้ลมยางอ่อน ขับบดไปเรื่อยๆ จะเสียทั้งยางรถ ทั้งระบบเครื่องยนต์ เพราะยางจะเสื่อมเร็วกว่าเดิม และเครื่องยนต์จะทำงานหนักเนื่องจากต้องใช้แรงในการขับเคลื่อนมากกว่ารถที่มีลมยางปกติ
เปลี่ยนหัวเทียน
รถที่มีเครื่องยนต์เบนซิน เช่น รถเก๋ง รถสี่ประตูทั่วไป จะมีหัวเทียนที่ช่วยในการจุดระเบิดภายในเครื่องยนต์ หากใช้งานนานเข้า หัวเทียนบอด หรือหัวเทียนเสื่อมสภาพ รถจะมีอาการสตาร์ทไม่ติด หรือเร่งไม่ขึ้น ลองเช็คดูว่าหัวเทียนยังใช้ได้ดีอยู่หรือเปล่า ทางที่ดีควรเปลี่ยนหัวเทียนเสียใหม่ เพื่อให้ได้หัวเทียนที่ดีมีการใช้งานร่วมกับกระบวนการภายในเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีดูแลรถเก่า เช็คแบตเตอรี่
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่โดยปกติจะมีอายุประมาณ 2 ปี อาจมากกว่าหรือน้อยกว่านั้นตามคุณภาพของแบตฯ และการใช้งานของรถคุณ ซึ่งถ้าแบตเสื่อม แบตอ่อน ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์จะรวน หรืออาจมีไฟไปเลี้ยงไม่เพียงพอ หรืออาจสตาร์ทไม่ติด หากแบตหมดเร็วต้องชาร์จแบตบ่อยๆ ควรเปลี่ยนแบตเสียจะดีกว่า
ไม่จอดรถตากแดด
บางครั้งการจอดรถในสถานที่อื่นๆ อาจเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจอดรถตากแดด แต่ถ้าเป็นที่พักของเราเอง จอดเข้าร่มจะดีที่สุด อาจจะอยู่ในโรงรถ หรือกางเต็นท์เพื่อช่วยบังแดดบังฝน หากใครไม่มีที่จริงๆ อย่างน้อยควรมีผ้าคลุมรถ
ล้างรถบ้าง เคลือบสีบ้าง
อย่าคิดว่าการล้างรถไม่สำคัญ ถึงแม้จะจอดรถทิ้งไว้ไม่ค่อยได้เอาออกไปขับที่ไหนก็ตาม เพราะย่อมมีสิ่งสกปรกมาติดรถได้เสมอ ยิ่งรถใครจอดอยู่ใต้ต้นไม้ มีเศษใบไม้ ยางไม้ ขี้นก ควรต้องล้างรถอย่างยิ่ง เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นคราบติดแน่น จะกินสีรถเป็นรอยด่าง ทำให้รถสภาพดีๆ หมดสวยไปได้เลย และถ้าใครอยากให้รถดูใหม่เอี่ยม ก็อาจนำไปเคลือบสีบ้าง เพื่อให้รถดูใหม่อยู่เสมอ
ของเหลวภายในรถ สำคัญมาก
ของเหลวภายในรถยนต์ นับเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงรถให้รถยังคงทำงานได้ดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำยาหล่อเย็น ฯลฯ ของเหลวแต่ละชนิดมีการทำหน้าที่ของตัวเอง และมีการเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน ทางที่ดีควรเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามระยะเปลี่ยนถ่าย เพื่อให้รถยนต์สามารถใช้งานได้ดี มีประสิทธิภาพ เมื่อภายในยังใหม่ รถใช้งานมานานแค่ไหนก็ไม่หวั่น