รถเกียร์ดีก็วิ่งดี แต่ถ้ารถเกียร์ไม่ดีจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะค่าซ่อมเกียร์แพงหูฉี่และเป็นสิ่งที่คนมีรถไม่อยากให้เกิดขึ้นแน่ๆ เพราะฉะนั้น เพื่อเป็นการดูแลรักษารถยนต์ของเราให้ใช้งานได้ดีจึงจำเป็นต้องตรวจเช็คสภาพน้ำมันเกียร์เพื่อให้เกียร์ทำงานได้ดีอีกด้วย มาดูวิธีง่ายๆ ตรวจเช็คสภาพน้ำมันเกียร์ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
วิธี ตรวจเช็คสภาพน้ำมันเกียร์
- จอดรถบนพื้นราบ ติดเครื่องทิ้งไว้ให้เครื่องยนต์ทำงาน ปลดเกียร์ให้เข้าตำแหน่งจอด (เกียร์ P) ดึงเบรกมือให้รถจอดนิ่ง
- เปิดฝากระโปรงรถยนต์ขึ้นเพื่อตรวจเช็คน้ำมันเกียร์
- มองหาก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ ซึ่งจะอยู่ใกล้กระปุกน้ำน้ำมันเกียร์ โดยถ้าเป็นรถโฟร์วีลหรือรถที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลังมักจะอยู่บริเวณด้านหลังของเครื่องยนต์และอยู่เหนือกระปุกน้ำมันเกียร์ แต่ในส่วนของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์มักจะอยู่บริเวณด้านหน้าของเครื่องยนต์ติดกับชุดเพลาส่งกำลัง ซึ่งสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านขวาของกระปุกน้ำมันเกียร์
- เมื่อเจอก้านวัดแล้ว จะสามารถวัดระดับน้ำมันเกียร์ได้โดย ดึงก้านน้ำมันเกียร์ออกมา > ใช้ผ้าสะอาดเช็ดก้านวัดระดับน้ำมัน > จุ่มก้านวัดลงไปอีกครั้ง > ดึงออกมาเพื่อดูน้ำมันเกียร์
- ระดับก้านวัดจะมีรอยบิ่นอยู่ 4 รอย คือ 2 รอยล่างแสดงระดับขณะเครื่องเย็น และ 2 รอยบนแสดงขณะเครื่องร้อนหรือเครื่องยนต์ทำงาน ระดับน้ำมันเกียร์ที่ดีในขณะเครื่องร้อนไม่ควรอยู่ต่ำจากขีดที่ 3 (นับจากล่างขึ้นบน) ถ้าต่ำกว่านั้นแสดงว่าน้ำมันเกียร์ไม่พอ ต้องเติมเพิ่มให้ถึงรอยที่ 4
- ระดับน้ำมันเกียร์ที่ต่ำเกินไปจะทำให้มีการดูดอากาศเข้าห้องเกียร์ และหากระดับสูงเกินไปจะสูบออกทำให้สินเปลืองน้ำมันเกียร์โดยใช่เหตุ
- นอกจากวัดระดับ ก็ต้อง ตรวจเช็คสภาพน้ำมันเกียร์ โดยสังเกตจากสีและสภาพของน้ำมันเกียร์ ดังนี้
- น้ำมันสภาพดีควรมีสีแดงใส (มีสีชมพูหรือน้ำตาลอ่อนบ้างเป็นบางครั้ง) ไม่มีฟอง ไม่มีกลิ่น ซึ่งถ้ายังอยู่ในสภาพนี้ถือว่าปกติ
- น้ำมันเกียร์เป็นสีน้ำตาลด่างๆ มีกลิ่นคล้ายขนมปังไหม้ แสดงว่าน้ำมันเกียร์เดือดจนใช้งานไม่ได้ และไม่สามารถกระจายความร้อนที่ระบบเกียร์ได้ต่อไปแล้ว ลองทดสอบเพิ่มเติมโดยป้ายน้ำมันลงบนกระดาษทิชชู่ที่สะอาดแล้วรออีก 30 วินาที เพื่อดูว่าน้ำมันกระจายตัวหรือไม่ ถ้าไม่กระจายตัว ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทันที ไม่อย่างนั้นอาจเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อระบบเกียร์
- น้ำมันเกียร์เป็นสีน้ำตาลขุ่น อาจเกิดจากการปนเปื้อนกับน้ำหล่อเย็นจากหม้อน้ำผ่านรอยรั่วในชุดระบายความร้อนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ เป็นไปได้ว่า น้ำมันในกระบอกสูบมากเกินไป มีการใช้น้ำมันเกียร์ผิดประเภท หรือรูระบายของระบบเกียร์ในเครื่องยนต์อุดตัน ให้รีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์
แค่เพียงวิธีง่ายๆ เราก็สามารถตรวจเช็คน้ำมันเกียร์กันได้ด้วยตัวเองแล้ว ว่าน้ำมันเกียร์ยังใช้ได้ดีหรือไม่ หรืออาจจำเป็นต้องซ่อมอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ซึ่งถ้าหากเราเห็นอาการผิดปกติและแก้ไขได้ทัน ก็จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้มากขึ้น และหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามกำหนด เพื่อให้เกียร์รถยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ