อย่าลืม เปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ ก่อนรถพัง!!

อย่าลืม เปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ ก่อนรถพัง!!

ได้เวลาแล้วหรือยัง? เปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ ได้แล้วนะ อย่ามองข้ามส่วนเล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญ เพราะของเหลวในรถยนต์ทุกส่วนมีความสำคัญในการทำงานขับเคลื่อนเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพ หากปล่อยปละละเลยไม่ยอมเปลี่ยนถ่ายเมื่อถึงระยะ หรือปล่อยให้สกปรกเกินไปแล้ว ระวังรถจะพังก่อนเวลาอันควร!!

เปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ น้ำมันเครื่องสำคัญ

น้ำมันเครื่อง เป็นน้ำมันหล่อลื่นส่วนสำคัญในการหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเราปล่อยให้รถใช้น้ำมันเครื่องเดิมๆ โดยไม่ได้เปลี่ยนถ่ายเลย ผลที่ตามมาคือ น้ำมันเครื่องสกปรก ประสิทธิภาพในการเคลือบหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ลดลง ทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอ หากน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพมากๆ อาจส่งผลไปถึงเครื่องยนต์

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องไม่ได้มีกฏตายตัว แต่ที่นิยมเปลี่ยนกันคือระยะ 5,000 – 10,000 กม. แล้วแต่ชนิดและคุณภาพของน้ำมันเครื่อง เช่น

  • น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 5,000-8,000 กม.
  • น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 8,000-10,000 กม.
  • น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เปลี่ยนถ่ายทุกๆ 10,000-15,000 กม.

เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์

น้ำมันเกียร์ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติก็ควรต้องมีการเปลี่ยนถ่าย ยิ่งเป็นเกียร์ออโต้ยิ่งควรต้องดูแลมากกว่า เพราะกลไกข้างในซับซ้อนกว่า และต้องการการดูแลที่ดี ไม่อย่างนั้นหากปล่อยไว้นาน น้ำมันหนืดหล่อลื่นได้ไม่ดี หรือน้ำมันไม่สะอาดมีสิ่งสกปรกปนเปื้อน ก็จะไปทำให้ชิ้นส่วนของเกียร์สึกหรอ ระบบการทำงาน การเข้าเกียร์ เปลี่ยนเกียร์ อาจรวนหรือสะดุด ส่งผลเสียต่อการขับขี่

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ควรเปลี่ยนตามระยะเช่นกัน ควรเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 40,000 กม. หรือ ปีละครั้ง ถ้าขับรถในที่ที่ต้องใช้งานเกียร์หนักๆ เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวหยุด ระบบเกียร์จะมีการเปลี่ยนขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา เช่น การขับรถในกรุงเทพฯ ควรลดระยะเปลี่ยนถ่ายลงมาเป็น 20,000-30,000 กม.

น้ำมันเบรก

เมื่อรถเคลื่อนที่ก็ต้องมีการเบรก ระบบเบรกสำคัญ หากคุณเบรกไม่ทันหรือระบบเบรกติดขัด อาจมีอุบัติเหตุตามมา น้ำมันเบรกทำหน้าที่ขับเคลื่อนตามแรงดันเพื่อไปยังปั๊มเบรกและลูกสูบเบรก ให้เบรกทำงานในการช่วยหยุดรถ เมื่อใช้งานนานๆ น้ำมันเบรกย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกรถลดลงไป และอาจเกิดการตกตะกอนจากการเสื่อมสภาพของน้ำมัน เข้าไปอุดตันในระบบ ทำให้การเบรกทำได้ไม่ดี ซึ่งระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก ระยะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกอยู่ที่ประมาณ 40,000 กม. หรือ ปีละครั้ง

น้ำมันเฟืองท้าย

น้ำมันเฟืองท้ายจะมีในรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเฟืองท้าย เช่น ขับเคลื่อนล้อหลัง ขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนใหญ่มักเป็นรถกระบะ ซึ่งเฟืองท้ายนั้นดูแลไม่ยากเพราะระบบไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แต่ก็ควรเปลี่ยนถ่ายเพื่อให้น้ำมันใหม่และไปหล่อลื่นเฟืองท้ายได้ดีมีประสิทธิภาพ โดยปกติจะเปลี่ยนทุกๆ 40,000 กม. แต่ถ้ารถใช้งานสมบุกสมบัน หรือไปลุยน้ำลุยโคลน ก็ควรหมั่นเช็ค และลดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายลง

น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์

เชื่อว่ารถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันนี้ได้มีมาพร้อมระบบพวงมาลัยเพาเวอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพวงมาลัยเพาเวอร์จะช่วยให้คนขับไม่ต้องออกแรงขับรถในการหมุนพวงมาลัยซ้ายขวา ถ้าน้ำมันมีไม่พอจะทำให้การหมุนเลี้ยวทำได้ยากขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้น และระบบเฟืองภายในอาจสึกหรอได้ จึงควรเติมและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันอย่างน้อยทุกๆ 80,000 กม.

น้ำยาหล่อเย็น

นอกจากพวกน้ำมันและระบบหล่อลื่นต่างๆ ของเหลวในรถยนต์ ที่ควรเปลี่ยนยังมีน้ำยาหล่อเย็น หรือ น้ำยาเติมหม้อน้ำ เพราะเมื่อใช้ไปนานๆ เข้า สารที่อยู่ในน้ำยาหล่อเย็นอาจเสื่อมสภาพ คุณสมบัติในการทำให้น้ำมีจุดเดือดสูงขึ้น การป้องกันสนิมตะกรัน และอื่นๆ ให้หม้อน้ำก็จะลดลงไป ซึ่งควรเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็นทุกๆ 100,000 กม. หรือทุก 1 ปี

น้ำยาฉีดกระจก

ยังมีอีกหนึ่งจุดที่คนใช้รถมักละเลย เพราะด้วยสภาพอากาศร้อนในบ้านเราอาจไม่ค่อยจำเป็นต้องใช้งานจนลืมไปแล้วว่าต้องเติมน้ำยาฉีดกระจกเอาไว้ด้วย เพราะเมื่อถึงยามหน้าฝนแล้วต้องมีการปัดน้ำฝนขึ้นมา หากมีน้ำยาฉีดกระจกก็ช่วยให้ทัศนวิสัยดีขึ้น และเมื่อใช้รถไปนานๆ น้ำอาจแห้งได้ จึงควรหมั่นเติมให้พอดีอยู่เสมอ

สนใจช้อปผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำยาหล่อเย็นยูคอน  ได้ที่