ในการตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ จะมีทั้ง ก้านวัดน้ำมันเครื่อง และก้านวัดน้ำมันเกียร์ ที่จะเป็นตัวช่วยในการเช็คสภาพน้ำมันทั้งสองชนิด ซึ่งหากไม่ได้เป็นคนที่ตรวจเช็ครถอยู่เป็นประจำ อาจสับสนว่าใช้อันไหนกันแน่ วันนี้เลยมาบอกความความแตกต่างของก้านวัดทั้งสอง
ก้านวัดน้ำมันเครื่อง
โดยปกติแล้วก้านวัดน้ำมันเครื่องจะอยู่ที่ข้างๆ เครื่องยนต์ ซึ่งน้ำมันเครื่องจะมีสี เหลือง ขาว หรือแดง แล้วแต่ชนิดของน้ำมันเครื่อง ซึ่งระดับน้ำมันเครื่องปกติจะอยู่ที่ค่า Max หรือต่ำกว่าเล็กน้อย และไ่ม่ควรอยู่ต่ำกว่าระดับ Min ถ้าน้ำมันเครื่องมีระดับต่ำเกินไปจะไหลเวียนไม่เพียงพอ เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ เกิดการเสียดสีและสึกหรอ เครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูง ให้เติมเข้าไปให้อยู่ในระดับปกติ หรือถ้าระดับสูงเกินไป จะทำให้เกิดแรงดันสูง เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง หรืออาจมีน้ำมันเครื่องหลุดรอดไปยังห้องเผาไหม้ ทำให้เกิดควันขาว
วิธีการตรวจเช็คจาก ก้านวัดน้ำมันเครื่อง
- ควรวัดก่อนติดเครื่องยนต์ และรถอยู่ในระดับระนาบ ไม่จอดเอียงหรือลาดชัน
- ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมา
- ใช้ผ้าเช็ดก่อน 1 รอบ
- จุ่มลงไปอีกครั้ง
- ดูระดับน้ำมันเกียร์ว่าอยู่ที่ขีดไหน
ก้านวัดน้ำมันเกียร์
น้ำมันเกียร์ในที่นี่พูดถึงน้ำมันเกียร์ออโต้ ซึ่งการทำงานจะแตกต่างจากน้ำมันเครื่อง โดยก้านวัดน้ำมันเกียร์อยู่ที่กระปุกบริเวณด้านหลังเครื่องยนต์เหนือกระปุกน้ำมันเกียร์ เมื่อมีความร้อนสะสมจะมีการขยายตัว การวัดน้ำมันเกียร์จึงวัดได้สองระดับคือ Hot และ Cold หากเป็นการวัดในขณะที่รถจอดอยู่หรือดับเครื่องยนต์มาแล้ว 2-3 ชั่วโมงจะวัดจากระดับ Cold แต่ถ้าหากเป็นรถที่กำลังใช้งานอยู่ หรือใช้งานเกินกว่า 15 นาที จะวัดที่ระดับ Hot ซึ่งการวัดในระดับ Hot จะตรวจเช็คได้ผลดีกว่า
วิธีการตรวจเช็คจากก้านวัดน้ำมันเกียร์
- จอดรถตรงที่ระนาบ ไม่ลาดเอียง
- ในเบรกมือ ป้องกันรถเคลื่อน
- เหยียบเบรกค้างไว้ เลื่อนเกียร์จาก P > R ค้างไว้ 5 วินาที แล้วเลื่อนลงมาทีละเกียร์ๆ จนครบ ค้างไว้เกียร์ละ 5 วินาที เมื่อครบแล้วกลับมาที่เกียร์ P
- ไม่ต้องดับเครื่องยนต์ เปิดฝากระโปรง ปล่อยเครื่องเดินเบาประมาณ 1-2 นาที แล้วค่อยวัดน้ำมันเกียร์
- ดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ออก ใช้ผ้าเช็ดก่อน 1 รอบ
- จุ่มลงไปอีกครั้ง
- ดูระดับน้ำมันเกียร์ว่าอยู่ที่ขีดไหน ซึ่งควรอยู่ในช่วง Hot และอยู่ในขีด E-F (Empty/Ful) หรือ L-H (Low/High) ถือว่าอยู่ในระดับปกติ
เพียงแค่นี้ก็สามารถตรวจเช็คทั้งระดับน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง