เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ขับรถเกียร์อัตโนมัติกันทั้งนั้น เพราะสะดวกสบาย ไม่ต้องเข้าเกียร์เอง ไม่ต้องคอยเหยียบคลัชต์ ไม่ต้องกลัวรถดับ โดยเฉพาะการขับรถในตัวเมือง ที่มีรถติด ขึ้นสะพาน ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติก็จะสบายเท้ากว่า แต่ด้วยการทำงานของเกียร์อัตโนมัติที่มีความซับซ้อนกว่าเกียร์ธรรมดา จึงมักมีปัญหาตามมาบ่อยๆ และจำเป็นต้องดูแลรักษาให้ดี ปัญหาของเกียร์อัตโนมัติ ที่มักพบบ่อยมีอะไรบ้าง
ปัญหาของเกียร์อัตโนมัติ ที่พบบ่อยๆ
1. เกียร์เปลี่ยนช้า เกียร์ไม่เปลี่ยน เข้าเกียร์ติดขัด
สังเกตเวลาที่รถเข้าเกียร์ เกียร์จะเปลี่ยนช้า หรือเกียร์ไม่เปลี่ยน ไม่สัมพันธ์กับรอบเครื่อง จนรอบเครื่องสูงผิดปกติ อาจเกิดจากแรงดันน้ำมันเกียร์ผิดปกติหรือระบบควบคุมเกียร์มีปัญหา
2. เกียร์กระตุกเวลาเปลี่ยนเกียร์
ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นคนเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง เพราะว่าเป็นการเปลี่ยนเกียร์โดยอัตโนมัติ แต่สามารถสังเกตได้จากการไต่ระดับการเปลี่ยนเกียร์ หากจังหวะที่เปลี่ยนเกียร์แล้วเกียร์มีอาการกระตุกหรือกระชาก อาจเกิดจากระบบเกียร์มีความสกปรก เช่น มีฝนหรือสิ่งสกปรกอะไรตกค้างบริเวณกรองน้ำมันเกียร์ หรือบางทีอาจเกิดจากคลัตช์ชำรุดเสียหาย
3. เข้าเกียร์แล้วเกียร์เสียง มีกลิ่นไหม้
อาการนี้เป็นความผิดปกติที่ผู้ขับขี่น่าจะรู้สึกได้ชัดเจน เพราะเวลาที่เข้าเกียร์แล้วมีเสียงดังผิดปกติ บางทีอาจมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้ แสดงว่าภายในระบบเกียร์หรือระบบคลัตช์อาจมีการสึกหรอ น้ำมันเกียร์มีไม่เพียงพอในการหล่อลื่น จึงทำให้เกิดแรงเสียดทางของระบบเกียร์ภายใน ทำให้เกิดความร้อนขึ้นสูงและมีกลิ่นเหม็นไหม้
4. รอบเครื่องขึ้นแต่รถเร่งไม่ขึ้น
สังเกตดูว่ารอบเครื่องขึ้นแล้ว รอบเครื่องขึ้นมาระดับนี้เกียร์ต้องเปลี่ยนแล้วหรือเปล่า ทำไมเกียร์ไม่เปลี่ยน อาการนี้เกิดจากผ้าคลัตช์สึกหรอหรือชำรุดเสียหาย หรือหากมีน้ำท่วมก็อาจทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน
5. เข้าเกียร์แล้ว รถยังไม่ขยับ
ในกรณีที่คุณกำลังเข้าเกียร์ ไม่ว่าจะเข้าเกียร์ R เพื่อะถอยหลัง หรือเข้าเกียร์ D เพื่อเดินหน้า แต่รถกลับจอดนิ่งไม่ขยับหรือออกตัวไปไหนทั้งนั้น อาจเกิดจากกรองเกียร์ตันหรือน้ำมันเกียร์เริ่มเสื่อมคุณภาพ เมื่อสตาร์ทรถควรให้เครื่องวอร์มให้เครื่องร้อนสักครู่ ถึงจะกลับมาเป็นปกติ
วิธีดูแลเกียร์อัตโนมัติ
- หมั่นตรวจเช็กระบบเกียร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการบำรุงรักษาระบบต่างๆ ของเกียร์อัตโนมัติ ไม่ให้เกิดการชำรุดเสียหาย
- ไม่ออกตัวรถแรงหรือเร่งเครื่องแบบกระชาก เพราะการออกตัวรถแรงจนเกิดการกระชาก จะส่งผลให้ระบบฟันเฟืองในเกียร์เสียหาย ควรปล่อยรถให้ค่อยๆ ไต่ระดับความเร็วขึ้นไปจะดีกว่า
- ไม่เข้าเกียร์ P ในขณะรถติด เพราะการเข้าเกียร์ P จะเป็นการล็อคเกียร์ แล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือมีรถมาชนขึ้นมา เกียร์ล็อคจะทำให้รถขยับไม่ได้เลย หากรถติดนานควรเข้าเกียร์ N แล้วดึงเบรกมือจะปลอดภัยกว่า
- รถเดินหน้ามาเพิ่งจอดไม่ทันสนิท อย่าเพิ่งเข้าเกียร์ถอยหลัง รอให้รถจอดสนิทเสียก่อน เพราะหากรถกำลังเดินหน้าอยู่แล้วมาถอยหลังแบบกระทันหัน อาจส่งผลให้ฟันเฟืองเกียร์เสียหายได้