จะขับรถออกจากบ้านแต่ละที คงไม่ดีแน่ถ้ารถสตาร์ทไม่ติด ยิ่งถ้าเวลารีบๆ เร่งๆ ยิ่งไปกันใหญ่ รถสตาร์ทไม่ติด เช่น บิดกุญแจแล้วมีเสียงดังแชะๆ หรือสตาร์ทแล้วเงียบไม่ติดสักที ต้องนึกถึงแบตเตอรี่ก่อนเป็นอันดับแรก แต่นอกจากแบตหมด แบตเสื่อม ยังเกิดจากอะไรได้อีก…
รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม
โดยปกติทั่วไปแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี บางคนอาจใช้งานได้เกินกว่านั้นแต่เมื่อครบสองปีแล้วแบตจะเริ่มเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนแบตใหม่ โดยอาการแบตเสื่อม สังเกตได้จากการสตาร์ทรถยาก ต้องสตาร์ทหลายที หรือถ้าแบตหมดอาจสตาร์ทไม่ติดเลยก็มี หรือลองกดแตรดูว่ายังมีเสียงหรือว่าเสียงดังอ่อนๆ แสดงว่าแบตเสื่อมแล้วล่ะ การแก้ไขสถานการณ์แบบเร่งด่วนก็คือต้องพ่วงแบตกับรถคันอื่น และรีบหาเวลาไปเปลี่ยนแบตเป็นลูกใหม่โดยเร็ว
เปิดไฟทิ้งไว้
รถสตาร์ทไม่ติด ทั้งๆ ที่แบตก็ยังไม่เก่า ต้องดูว่าเราใช้รถกันอย่างไร ลืมเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืนจนแบตหมดหรือเปล่า หรือว่าอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถที่ใช้ไฟฟ้า มีอะไรที่เปิดค้างเอาไว้ ที่จุดบุหรี่เสียบชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้หรือเปล่า หรือปิดประตูรถไม่สนิททำให้ไฟในรถเปิดติดตลอดเวลา เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสาเหตุทำให้แบตหมดได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น สำรวจรถดูให้ดีต้องแต่ก่อนลงจากรถว่าปิดไหฟหรืออุปกรณ์ต่างๆ เรียบร้อยหรือยัง จะได้ไม่เกิดปัญหาแบตหมดอีก
ไดชาร์จเสื่อม
ไดชาร์จ เรียกอย่างเป็นทางการว่า อัลเทอร์เนเตอร์ (ALTERNATOR) ถ้าจะอธิบาจให้เข้าใจง่ายๆ ไดชาร์จทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟในรถ ที่ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วนำไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ และเมื่อเครื่องยนต์ทำงานก็จะปั่นไฟเพื่อกระจายกระแสไฟไปยังส่วนต่างๆ ของรถยนต์ ดังนั้นหากไดชาร์จเสื่อม ทำให้ไฟไม่เข้าแบตเตอรี่ และแบตมีไฟไม่เพียงพอในการจ่ายไฟไปส่วนอื่นๆ หากเช็คแล้วไม่ได้มีปัญหาที่แบต หรือแบตยังใหม่อยู่ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากได้ชาร์จ
มอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา
ถ้าดูแล้วไม่เป็นที่แบต ไม่ใช่ไดชาร์จ อีกหนึ่งชิ้นส่วนที่เป็นไปได้ก็คือ มอเตอร์สตาร์ท ซึ่งเป็นไปได้ว่า สายไฟขาด สายไฟหลุดออกไปจากจุดต่อ ฟิวส์มอเตอร์สตาร์ทขาด หรืออาจมีปัญหาที่ตัวมอเตอร์สตาร์ทเอง ต้องรีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คและซ่อม