ตอนขับรถปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร ความร้อนก็ปกติดี แต่พอจอดรถติดหรือจอดติดไฟแดงเท่านั้นแหละ ความร้อนขึ้นจนน่าสงสัยว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ความร้อนขึ้นเวลารถติด เกิดจากสาเหตุใดบ้าง และควรป้องกันแก้ไขอย่างไร
สาหตุอาการ ความร้อนขึ้นเวลารถติด
เมื่อมีอาการรถความร้อนขึ้นเวลารถติด แต่ตอนที่รถวิ่งความร้อนปกติ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน ซึ่งการที่พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงานนั้นอาจเป็นไปได้หลายสาเหตุ เช่น ตัวพัดลมไฟฟ้าเอง รีเลย์พัดลมไฟฟ้า เทอร์โมสวิตช์ อาจเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งหรืออาจเสียทั้งหมดก็ได้
อะไรที่ต้องตรวจเช็ค
-
ความร้อนขึ้นเวลารถติด เช็คพัดลมไฟฟ้า
พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน ลองเช็คที่พัดลมดู ซึ่งพัดลมไฟฟ้าจะหมุนอยู่ 2 ระดับ คือหมุนช้ากับหมุนเร็ว บางทีเราเปิดอยู่อาจเห็นว่าหมุนจริง แต่เมื่อมีความร้อนเพิ่มมันก็ยังคงหมุนช้าเหมือนเดิม ไม่ได้หมุนเร็วขึ้นตาม หากพัดลมปกติจะต้องหมุนเร็วเมื่อความร้อนขึ้น จะต้องทดสอบโดยการต่อตรงว่าพัดลมหมุนสองระดับหรือไม่ ถ้ายังหมุนอยู่ก็ถือว่าพัดลมไฟฟ้ายังใช้งานได้ปกติ ต้องเช็คตัวอื่นต่อไป
-
รีเลย์พัดลม
ในกระบวนการของระบบพัดลมไฟฟ้านั้น จะมีการอ่านค่าความร้อนจากระบบหล่อเย็น ก่อนส่งสัญญาณให้ทำงานผ่านรีเลย์เพื่อทำหน้าที่สวิตซ์ตัด-ต่อวงจร ซึ่งถ้าหากรีเลย์พัดลมหม้อน้ำเสีย รีเลย์เสื่อมสภาพทำให้พัดลมทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และอาจส่งผลให้เครื่องโอเวอร์ฮีทได้
-
เทอร์โมสวิตช์
เทอร์โมสวิตช์ (Thermo Switch) จะติดตั้งไว้ใกล้ๆ กับวาล์วน้ำ มีหน้าที่อ่านค่าความร้อนจากระบบ โดยเมื่อถึงอุณหภูมิหนึ่งที่ค่าความร้อนเริ่มสูงขึ้น เทอร์โมสวิตช์ก็จะส่งค่าให้พัดลมทำงาน ซึ่งหากเทอร์โมสวิตซ์เสียหรือไม่ทำงาน อาจทำให้อ่านค่าผิดพลาด หรือไม่อ่านค่าเลย พัดลมก็ไม่ทำงาน ความร้อนจึงเพิ่มสูงขึ้น
-
เกจ์วัดความร้อน
ตรวจเช็คทุกอย่างแล้วก็ปกติดี บางทีเกจ์วัดความร้อนอาจเสียก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นแค่เกจ์วัดความร้อนก็ดีไป เพราะไม่ได้เกิดจากระบบที่เกี่ยวกับความร้อน เปลี่ยนหรือซ่อมเกจ์ใหม่แล้วปกติ ก็แสดงว่ารถไม่ได้เป็นอะไร เป็นที่เกจ์
ไม่เพียงแต่ความร้อนขึ้นเวลารถติดเท่านั้น การดูแลรถไม่ให้เกิดความร้อนขึ้นเลยจะดีที่สุด โดยเฉพาะหม้อน้ำก็ต้องดูแลอยู่เสมอ พร้อมทั้งใช้น้ำยาหล่อเย็นแทนน้ำเปล่า เพื่อช่วยให้เครื่องไม่ร้อนเร็ว และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ไปได้อีกยาวนาน