ขับรถไม่ดูแลแบตเตอรี่ จะเกิดปัญหา แบตหมด แบตเสื่อม ทำให้ระบบไฟรวน ไฟตก หนักเข้าก็สตาร์ทไม่ติด เพราะฉะนั้นควร ดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ ไม่ให้เสื่อมสภาพ มาดูเคล็ดลับในการ ดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ ให้ใช้ได้ยาวนานไม่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร
หมั่นเช็คค่าโวลต์
โดยปกติแล้วแบตเตอรี่จะมีค่ากำลังไฟประมาณ 12-14 V ถ้าค่าโวลต์ลดต่ำกว่า 12 V อาจเป็นไปได้ที่แบตเสื่อม เก็บไฟไม่อยู่ ใช้ไปไม่นานแบตก็หมด หรืออาจเกิดจากไดชาร์จก็เป็นไปได้เช่นกัน หากรถยนต์ของคุณอ่านค่าแบตฯ ไม่ได้ อาจซื้ออุปกรณ์มาติดตั้งเพิ่มเติม หรือจะเป็นอุปกรณ์แบบเสียบไฟที่จุดบุหรี่ก็ได้ ราคาแค่หลักร้อย มีติดรถไว้สบายใจกว่า
ไม่เปิดไฟทิ้งไว้
ใครรู้ตัวว่าขี้หลงขี้ลืม ลืมปิดไฟตา ลืมปิดไฟส่องสว่างในรถยนต์ หรือปิดประตูรถไม่สนิททำให้ไฟติดอยู่ตลอดเวลา เป็นสาเหตุให้แบตหมดเร็ว เพราะฉะนั้นก่อนลงรถต้องเช็คให้ครบ ว่าปิดไฟรถครบแล้วหรือยัง ปิดประตูรถสนิทหรือยัง อย่างน้อยเวลาปิดประตูรถก็ควรรอจนกว่าไฟในรถดับเพื่อความแน่ใจ และใครที่เสียบชาร์จอะไรไว้ในรถก็ควรถอดออกเพื่อจะได้ไม่เปลืองแบต
ไม่ปล่อยให้แบตเตอรี่สกปรก
บางคนขับรถคือขับจริงๆ ไม่เคยได้เปิดฝากระโปรงรถออกมาตรวจดูความเรียบร้อยบ้างเลย แบตเตอรี่ที่ถูกละเลย อาจมีสิ่งสกปรกอยู่ หรือมีคราบขี้เกลือ เป็นสนิม ทำให้แบตเสื่อมสภาพและทำหน้าที่ในการจ่ายไฟได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะขั้วไฟเป็นจุดสำคัญที่ต้องดูแล
ไม่ได้ใช้รถนานๆ ให้ถอดแบตเตอรี่ออก
ถ้าปกติแล้วรถจอดอยู่ไม่ได้ขับออกไปไหนนานๆ ก็สามารถถอดแบตเตอรี่ออกได้โดยการปลดขั้วแบตเตอรี่ออกทั้งขั้วบวกและขั้วลบ เพราะรถก็จะมีการหมุนเวียนไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราไม่ได้ใช้งานก็ตาม หากปล่อยเอาไว้นาน ก็อาจทำให้แบตเสื่อม แต่ถ้าไม่ได้จอดไว้นานขนาดนั้น แบบนานๆ ขับไปไหนมาไหนสักที ก็อาจไม่ต้องถอดแบต แต่ให้นำออกไปชาร์จแบตบ้าง โดยการสตาร์ทรถและขับรถให้รถเคลื่อนที่บ้าง
ดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ เติมน้ำกลั่น
ถ้าเป็นแบตเตอรี่ชนิดที่มีน้ำกลั่น ให้ตรวจสอบระดับน้ำไม่ให้ลดลงไปกว่าขีดต่ำสุด หากลดลงควรเติมน้ำกลั่น เพราะหากน้ำน้อยจะไม่ท่วมแผ่นธาตุ ทำให้แบตเสื่อม แต่ก็ไม่ควรเติมเยอะเกินไป จะทำให้มีขี้เกลือขึ้น
ดูแลแบตเตอรี่แล้ว ก็อย่าลืมดูแลเปลี่ยนถ่ายของเหลวในรถยนต์ตามระยะกำหนด จะช่วยยืดการใช้งานของรถให้ยาวนาน