ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ จะใช้แอร์รถยนต์ เพียงแค่การเปิด-ปิด เร่ง-ลด ความแรง และอุณหภูมิของระบบแอร์ โดยมิได้คำนึงถึง รายละเอียดวิธีการใช้งานของ ระบบแอร์รถยนต์อย่างถูกวิธี ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีรายละเอียดการใช้งานเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ แอร์รถยนต์ ที่หากเราได้ลองปฏิบัติตามแล้ว จะส่งผลช่วยให้ยืดอายุการใช้งาน ของแอร์รถยนต์ และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
คำแนะนำการใช้ แอร์รถยนต์ และปุ่ม A/C
- ก่อนดับเครื่องแนะนำปิดปุ่ม A/C
ปุ่ม A/C (Air Conditioning) มีไว้สำหรับเปิด-ปิด การทำความเย็นของคอมเพรสเซอร์(Compressor) ซึ่งคอมเพรสเซอร์แอร์ จะทำหน้าที่ ปรับอากาศภายในห้องโดยสารของรถ ให้มีความเย็นตามที่ต้องการ การปิดปุ่ม A/C ก่อนดับเครื่องยนต์ ก็คือการปิดการทำความเย็น และเปลี่ยนเป็นลมพัดลมธรรมดา ซึ่งจะช่วยไล่ความชื้นที่คอยล์เย็นจนแห้ง ส่งผลให้คอยล์เย็นไม่มีความอับชื้น ลดกลิ่นอับในขณะเปิดแอร์ได้เป็นอย่างดี
- ควรเปิดแอร์รถยนต์ ที่มีพลังลม และอุณหภูมิที่เหมาะสม
ยิ่งมีการเปิดกำลังลมแอร์แรงมากเท่าไหร่ เครื่องยนต์ก็ยิ่งทำงานมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ดึงกำลังเครื่องยนต์มากขึ้น และที่สำคัญทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย
- ไม่ควรเปิดกระจกขณะขับรถ
เพราะจะทำให้ฝุ่นควันจากภายนอก เข้ามาอุดตันในตู้แอร์ได้เร็วยิ่งขึ้น แต่หากมีเหตุจำเป็น ควรปิดช่องแอร์บริเวณคอลโซลหรือจุดที่แอร์ออกให้หมด เพื่อให้ฝุ่นเข้าไปในระบบแอร์น้อยที่สุด นอกจากนั้น การเปิดกระจกขณะขับขี่ ยังเพิ่มแรงต้านลมให้กับรถ ส่งผลให้รถกินน้ำมันมากขึ้นด้วย
- รถจอดตากแดดเป็นเวลานาน
หากรถของเรา จอดตากแดดเป็นเวลานาน ทำให้ภายในตัวรถเกิดความร้อนสูง แนะนำปิดปุ่ม A/C พร้อมลดกระจกลงเพื่อให้แรงลมระบายความร้อนในตัวรถออกไปก่อน เมื่ออุณหภูมิในตัวรถเริ่มเย็นขึ้น ก็สามารถเปิดปุ่ม A/C เพื่อทำความเย็นได้เลย
- ไม่ควรนำน้ำหอมที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์เสียบไว้หน้าช่องแอร์
เพราะจะยิ่งส่งผลทำให้ ตู้แอร์รถยนต์เกิดการผุกร่อนเร็วยิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
- เวลาจอดรถเเล้วมีน้ำหยดลงพื้น
จอดรถเเล้วมีน้ำหยดลงพื้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะมันคือ น้ำทิ้งของแอร์ เเต่ถ้ามีน้ำไหลออกมาภายในรถ นั่นแสดงว่า น้ำยาแอร์ของรถเรารั่วเเล้ว
- แอร์ในรถยนต์ไม่เย็น
หากอยู่ดีๆ แอร์รถยนต์ เกิดไม่เย็นขึ้น แนะนำให้รีบปิดปุ่ม A/C ทันที เพื่อเป็นการป้องกันคอมเพรสเซอร์เสียหาย และรีบนำรถไปตรวจเช็คทันที โดยยังสามารถใช้ลมเปล่าได้
- เติมน้ำยาแอร์บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดี
หากรถของเราต้องมีการเติมน้ำยาแอร์อยู่บ่อยครั้ง นั่นเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่า เกิดการรั่วของระบบแอร์นั่นเอง
- ควรล้างตู้แอร์ ทุกๆ 2 ปี
หากชอบเปิดกระจกในขณะขับรถบ่อยๆ ควรมีการล้างตู้แอร์ทุกปี สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ จะมีตัวกรองแอร์ หากทำความสะอาด หรือมีการเปลี่ยนอยู่สม่ำเสมอ จะสามารถยืดอายุการใช้งานออกไปอีกได้