1. ระดับน้ำในถังพักน้ำ
น้ำที่ถังพักน้ำต้องมีพอดี อย่าให้ขาด ควรตรวจระดับน้ำในถังพักน้ำตั้งแต่ก่อนสตาร์ทเครื่องว่าอยู่ที่ระดับเท่าไหร่ ซึ่งปกติแล้วก็ควรอยู่ที่กึ่งกลางระหว่างขีด Min กับ Max ถ้าหากน้ำลดลงไปก็ให้เติมน้ำเพิ่ม แต่หากลดลงมากกว่าปกติ หรือเติมแล้วมาดูอีกครั้งยังลดลงไป อาจมีการรั่วตรงที่ใดที่หนึ่ง ต้องตรวจสอบ
2. น้ำยาหล่อเย็น ระบายความร้อนในรถยนต์
หม้อน้ำจะทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพควรใช้น้ำยาหล่อเย็น ซึ่งจะมีจุดเดือดที่สูงกว่าน้ำธรรมดา ทำให้ระบายความร้อนได้ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 100 องศา อีกทั้งในน้ำยาหล่อเย็นยังมีการผสมสารที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ มากกว่าใช้น้ำธรรมดา และสีสันที่สะท้อนแสงของน้ำยาหล่อเย็นยังช่วยให้เราสังเกตเห็นรอยรั่วได้ง่ายขึ้น ดังนั้น รถใครที่เติมน้ำเปล่าอยู่ควรเปลี่ยนถ่ายแล้วเติมน้ำยาหล่อเย็น จะช่วยได้มาก
3. พัดลมระบายความร้อน
พัดลมระบายความร้อนก็มีส่วนสำคัญในการช่วยระบายลมร้อนออกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรถที่จอดแช่ จอดรถติด ไม่มีลมวิ่งผ่าน หากพัดลมระบายความร้อนไม่ดี ถ่ายเทความร้อนไม่ทัน ความร้อนจะขึ้นเร็ว การตรวจเช็ค ต้องดูว่าพัดลมยังหมุนอยู่หรือไม่ และหมุนด้วยความเร็วปกติเหมือนเดิมหรือหมุนช้าลง อาจเป็นไปได้หลายสาเหตุ เช่น ฟิวส์ขาด สายไฟขาด สายไฟหลุด เป็นต้น
4. ฝาปิดหม้อน้ำ
ฝาปิดหม้อน้ำ ต้องปิดให้สนิท ถ้าฝาแตก ฝารั่ว หรือปิดไม่แน่น น้ำในหม้อน้ำก็จะไหลซึมออกมาได้ และไหลเวียนได้ไม่ดี ถ้ารู้สึกว่าฝาหม้อน้ำเริ่มเก่าและปิดไม่สนิทก็ควรซื้อมาเปลี่ยนใหม่ ดีกว่าปล่อยให้เสียลามไปกว่าเดิมจนเป็นเรื่องใหญ่
5. ท่อยางหม้อน้ำ
ทดสอบบีบท่อยางหม้อน้ำ ว่าอ่อนไปหรือแข็งไปหรือเปล่า ท่อน้ำอาจถูกใช้งานนานจนแข็งกรอบ ซึ่งควรเปลี่ยนท่อยางใหม่ และดูสายรัดหม้อน้ำด้วยว่าปิดแนบสนิทดีไม่รั่วซึมหรือหลุดออกง่าย ไม่อย่างงั้น ขับๆ ไป ท่อน้ำหลุด ความร้อนขึ้นรถพังไม่รู้ตัว
เล็กๆ น้อยๆ ตรวจเช็คได้ด้วยตัวเอง เช็คไว้ก่อนไม่เสียหาย หากมีอะไรเสื่อมสภาพก็เปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อย แค่นี้รถก็จะอยู่คู่กับเราไปได้อีกนาน และที่สำคัญอย่าลืมหาน้ำยาเติมหม้อน้ำดีๆ ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้รถของคุณ